วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

การกลับมาของ Nokia !! จะรุ่งหรือจะร่วง ??


                ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน ชื่อแบรนด์สมาร์ทโฟนที่โด่งดังที่สุดในช่วงนั้นคงหนีไม่พ้น Nokia ยักษ์ใหญ่แห่งวงการมือถือโลก แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เจอคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่าง Apple เจ้าของ iOS และ Google เจ้าของ Android OS บวกกับการที่ Nokia ยืนยันจะใช้ Symbian ต่อไป โดยออกรุ่นจอสัมผัสมาสู้ แต่ประสิทธิภาพทั้งตัวเครื่องและ OS Symbian ก็ยังไม่สามารถสู้กับทั้ง 2 OS ได้แถมพันธมิตรอย่าง Samsung ยังมาประกาศทำตลาด Android เพียงอย่างเดียวอีก จนทำให้ยอดขายของ Nokia ตกต่ำจนเจอกับสถาณการณ์ขั้นวิกฤษ์ทางการเงินถึงขนาดประกาศขายอาคารสำนักงานใหญ่ในฟินแลนด์เลยทีเดียว

                เรียกได้ว่าเดินหมากพลาดตาเดียว พ่ายแพ้ทั้งกระดาน ก็ยังได้ ปัญหาใหญ่ของ Nokia ก็คือ ความเป็นอันดับหนึ่งในวงการมือถือโลก หลายคนคงแปลกใจว่าการเป็น อันดับหนึ่งในวงการมือถือโลก เป็นปัญหาได้ยังไง ถ้ามองย้อนกลับไปดีๆ หลายคนคงเห็นด้วยว่าที่ Nokia ประสบปัญหาจนถึงทุกวันนี้เพราะดันไปยึดติดกับการพัฒนาระบบ Symbian ในขณะที่ค่ายอื่นๆลงไปเล่น Android กันหมดแล้ว แต่ตัวเองยังมองว่าในเมื่อมีระบบ Symbian เป็นของตัวเอง ทำไมต้องลงไปเล่นในระบบอื่น เหมือนคนอื่นๆละ น่าจะเน้นพัฒนา Symbian มาสู้กับ iOS และ Android  ดีกว่า แต่เรื่องก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะ Symbian เป็นระบบปฏิบัติการที่ 4 บริษัทร่วมลงขันกันทำ กระบวนการพัฒนาจึงไม่ค่อยคล่องตัวนัก ทิศทางในการพัฒนาแยกไปคนละทาง กว่าจะลงตัวก็มีปัญหาทางกฏหมายกันมากมายทีเดียว แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังไม่ออกมาตามที่หวังไว้ แถมวัฒนธรรมองค์กรของ Nokia ก็เป็นแบบไม่รีบร้อนมากนัก อาจเป็นเพราะคงความเป็นอันดับหนึ่งมายาวนาน มีโครงสร้างองค์กรซับซ้อน และ "ฟินแลนด์" ก็เป็นประเทศที่อากาศหนาวเกือบตลอดปี ช่วงหน้าร้อนนั้นเป็นช่วงที่สั้นและหายากกันเลยที่เดียว (ช่วงเดือนกรกฎาคม) พนักงานและผู้บริหารนิจึงนิยมไปลาพักร้อนในช่วงเวลาดังกล่าว ดังนั้นการที่จะให้ Nokia อนุมัติงานใดๆ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ต้องรอถึงเดือนกันยายนกว่าผู้บริหารจะเริ่มกลับมาทำงานกัน (Bloomberg) เมื่อแอปเปิลวางขาย iPhone รุ่นแรกในเดือนกรกฎาคม 2007 ผู้บริหารของ Nokia น่าจะยังพักผ่อนกันอยู่ และไม่ได้สนใจมากนักกับ "ภัยคุกคามใหม่" ที่กำลังพุ่งเข้าหาตัวเอง
(Stephen Elop ให้สัมภาษณ์ไว้ในบทความเดียวกันของ Bloomberg ว่า สิ่งที่โนเกียต้องปรับปรุงเป็นอันดับแรกคือ "ความรวดเร็ว" ในการทำงาน)


                ในที่สุด Microsoft ก็ประกาศให้ทุนก้อนมหาศาล(มากพอที่จะจ่ายหนี้ได้หมด) แลกกับการที่ Nokia ต้องผลิตโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ WindowsPhone เท่านั้น และยังเสนอให้ยืมบุคลากรจาก Microsoft ที่เชี่ยวชาญด้าน WindowsPhone อีกด้วย แต่สุดท้าย Microsoft ประสบปัญหาเดียวกันกับ Nokia  คือไม่มีผู้พัฒนาแอพสนใจมากเท่าที่ควร และถึงจะพยามกลับลำมาออก โทรศัพท์ Android รุ่นแรก ที่ยังคงความเป็นโนเกียไว้ครบถ้วน โดยเฉพาะการกั๊กสเปค จึงโดนด่ายับเพราะสเปคต่ำเกินไป เมื่อเข็นกันไปไม่ไหวแล้วจริงๆ Nokia จึงยอมขายแบรนด์ Lumia และแผนกผลิตโทรศัพท์ของ Nokia ทั้งหมด ให้กับ Microsoft และมีข้อตกลงคือ Nokia ต้องไม่ผลิตโทรศัพท์ออกมาขายเป็นเวลา 5 ปี

                ล่าสุด Nokia กำลังจะหมดสัญญากับ Microsoft ในปีนี้ และกำลังจะกลับมาอีกครั้งพร้อมระบบปฏิบัติการ Android ในชื่อ Nokia 6 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง และวางจำหน่ายในประเทศจีนเป็นอันดับแรก โดย HMD ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลสมาร์ทโฟนภายใต้แบรนด์ Nokia  ซึ่งล่าสุดก็มีการเปิดขาย Nokia 6 แบบ Flash Sale ไปอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว และทาง Nokia ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับบริษัทอีกครั้ง หลังจากขายหมดโควตาภายใน 1 นาที สาเหตุหนึ่งที่ Nokia 6 ได้รับความสนใจอย่างมากอาจเป็นเพราะราคาไม่สูงมาก เพราะ Nokia 6 มีราคาอยู่ที่ 1,699 หยวน หรือประมาณ 8,800 บาท และยังมาพร้อมกับคุณสมบัติตัวเครื่องที่ใช้งานพื้นฐานได้ทั้งหมด ประกอบกับชื่อของแบรนด์ที่เคยโด่งดังมาในอดีตก็ทำให้ Nokia 6 มีผู้ให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ



คุณสมบัติตัวเครื่องเบื้องต้นของ Nokia 6 มีดังนี้
- หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD Full HD 1080p ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1080x1920 พิกเซล
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 430
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB
- หน่วยความจำภายในขนาด 64GB รองรับหน่วยควมาจำเสริมแบบ microSD สูงสุด 128GB
- กล้องด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0
- กล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual-Speaker) บน-ล่าง
- รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
- รองรับการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner)
- รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนเครือข่าย 4G LTE
- แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat

                คงต้องคอยดูกันต่อไปว่าหลังจากที่ Nokia 6 ได้ทยานออกมาให้ผู้ใช้งานได้ลองเล่นกันแล้วจะบวกหรือจะลบ เพราะถ้า Nokia ยังคงเดินเกมส์แบบที่ผ่านมาในอดีต ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกัน



cr : http://hitech.sanook.com/1390629/
cr : http://www.soccersuck.com/boards/topic/1421283
cr : http://www.thaimobilecenter.com/news-2560/nokia-6-sells-out-its-initial-flash-sale-in-one-minute.asp