วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

CCTV คืออะไร ?


CCTV ย่อมาจาก Close Circuit Televistion คือการส่งสัญญษาณภาพจากกล้องวิดีโอที่ติดตั้งใว้ตามสถานที่ต่างๆมายังส่วนรับภาพ(Monitor)โดยทั่วไปจะติดตั้งใว้คนละที่กับกล้องเช่น ห้องควบคุมภาพเป็นต้นซึ่งจะไม่เฉยแพร่ไปยังที่สาธารณะเหมือนโทรทัศน์กระจายภาพและเสียงทั่วไปจึงเรียกวิวงจรปิด

ระบบโทรทัศน์วงจรปิดประกอบด้วยอุปกรณ์หลักๆอยู่3ส่วนคือ
1.ส่วนรับภาพ ก็คือตัวกล้องCCTV
2.ส่วนบันทึกภาพ จะเป็น DVR  หรือคอมพิวเตอร์PC Baseซึ่งจะบันทึกข้อมูลลงHarddisk แทนที่เทปบันทึกภาพในสมัยก่อน
3.ส่วนแสดงภาพ จะเป็นทีวี หรือมอนิเตอร์แบบต่างๆและด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันแม้กระทั่งโทรศัพมือถือก็สามรถนำมาดูภาพของระบบCCTVได้

กล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV Camera
กล้องวงจรปิดมีมากมายหลายประเภทซึ่งจะเรียกตามลัษณะต่างๆเช่นตามลักษณะรูปทรง ตามลักษณะการใช้งาน ตามลักษณะการติดตั้งและอื่นๆส่วนใหญ่ที่นิยมเรียกกันจะแบ่งออกเป็น2ประเภท คือ
1.แบบติดตั้งตายตัว Fix Camera คือจะติดตั้งอยู่บนขากล้องหรืออื่นๆซึ่งไม่สามารถหมุนเปลี่ยนทิศทางของกล้องในการดูภาพใด้ซึ่งจะติดตั้งใว้ตายตัวตามตำแหน่งที่เราต้องการดูภาพใด้จุดนั้นจุดเดียว
2.แบบหมุนปรับทิศทางใด้ Moving Camera ซึ่งจะมีความสามารถในการหมุนส่าย ซ้ายขวา ขึ้นลง หรือ ย่อและเพิ่มระยะทางการดูภาพใด้หรือเรียกว่ากล้อง PTZ( Pan Tilt  Zoom)เพื่อประสิทธิภาพในการดูภาพอย่างทั่วถึงในบริเวณพื้นที่นั้นๆ

นอกนั้นยังเปนเป็นประเภทย่อยๆตามลักษณะต่างๆของกล้อง เช่น
-กล้องมาตรฐานSTANDARD Camera ซึ่งจะมีรูปทรงที่เป็นมาตรฐานตรของกล้องในสมัยก่อนซึ่งกล้องชนิดนี้สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้หลากหลายประเภทการใช้งาน
-กล้องโด( Dome Camera)จะมีรูปทรงคล้ายโดมกล้องชนิดนี้ออกแบบมาเพื่อติดตั้งใว้ในสถานที่ต้องการความสวยงามเรียบร้อยและหลบสายตาของผู้คน
-กล้องอินฟราเรด(Infrared)เป็นกล้องพิเศษที่สามารถดูภาพในเวลากลางคืนหรือในที่แสงสว่างไม่เพียงพอหรือแม้แต่ที่มืดสนิทก็สามารถดูได้
-กล้องไอพี (IP Camera) เป็นกล้องที่เก็บภาพเหตุการร์แล้วส่งสัญญาณผ่าระบบเครื่อข่ายและสามรถมองเห็นเหตุการณืใด้ในระยะไกลผ่านทางLAN หรือ ทางอินเตอร์เนตได้
-อื่นๆเช่น กล้องซ่อนในรูปแบบต่างๆ กล้องไร้สาย ตามความต้องการและความเหมาะสมในสถานที่ใช้งานนั้นๆ

เครื่องบันทึกภาพ Digital Video Record

         ทำหน้าที่รับสัญญาณภาพขาออกจากอุปกรณ์ (กล้องวงจรปิด) เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณและทำการบันทึกภาพในระบบ digital โดยจะบันทึกข้อมูลลงใน HDD ซึ่งมีลักษณะการบันทึกเหมือนเครื่อง Computer ทั่วๆไป สามารถบันทึกภาพได้ยาวนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับขนาดของ HDD และการตั้งค่าความละเอียดในการบันทึก นอกนี้ยังสามารถดูภาพย้อนหลังได้โดยกำหนดวัน เวลา ในการเรียกดูข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและสามารถดูอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจจับการบุกรุก ในขณะที่ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุได้ และคุณสมบัติอีกข้อที่เป็นจุดเด่นของเครื่องบันทึก DVR ในปัจจุบัน คือสามารถติดต่อกับระบบเครือข่ายเช่น LAN, WAN หรือใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือได้

ประโยนช์ของ CCTV
◦ในด้านการรักษาความปลอดภัย ของบุคคลและสถานที่
◦ในการตรวจสอบการทำงาน ของเครื่องจักร ในโรงงานอุตสาหะกรรมขนาดใหญ่ ที่ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ หรือการทำงานของพนักงาน
◦ใช้งานร่วมกับระบบควบคุมอาคารอัตโนมัติ เช่น ตรวจสอบจำนวนคนเพื่อการเปิด-ปิด เครื่องปรับอากาศ ฯ
◦ ใช้งานร่วมกับระบบควบคุมการจราจร เช่น ตรวจสอบปริมาณรถยนต์ ฯ

         เอาละหลังจากที่เรารู้จัก CCTV กันมาคราวๆแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่า my มีบริการ CCTV กันมั้งรึป่าวและเป็นยังไงกันบ้าง (บริการ CCTV ผ่านระบบ 3G my by CAT)

CR :
http://www.forwardsat.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538977089
https://sites.google.com/site/zeusbkk/khawsar/cctvmiprayochnxari

วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

การเขียนข้อความโฆษณาใน Google adwords

  1. หัวข้อ เป็นจุดสำคัญที่ต้องเขียนให้ดึงดูดผู้อ่านให้คลิ๊ก เป็นตำแหน่งที่ผู้เห็นโฆษณาเห็นแล้วคลิ๊กมากที่สุดครับ
  2. รายละเอียดบรรทัดที่ 1 ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับจุดเด่นของบริการ หรือสินค้าของเรา
  3. รายละเอียดบรรทัดที่ 2  ให้เราใส่ข้อความอื่นๆที่สำคัญรองลงมาเช่น จัดส่งฟรี, ราคาถูก
  4. ชื่อของเวปไซต์ที่จะปรากฏในหน้าแสดงผลการค้นหา เช่น www.myworldpluslive.com ชื่อนี้สามารถปรับเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่สื่อถึงเวปไซต์ได้อีกเล็กน้อย เช่น myworldpluslive.com/Get_Money แต่โดยทั่วไปมักจะกาหนดเป็นชื่อของเวปไซต์นั้นๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถจาได้เมื่อต้องการกลับเข้ามาใช้บริการอีกครั้ง
  5. Url ปลายทาง ก็คือตำแหน่งของหน้าเว็บที่เราจะส่งคนคลิ๊กไป เช่น เราทำการประชาสัมพันธ์ Link id ของเราเพื่อหาผู้มุ่งหวัง ดังนั้น เราก็ใช้ link ID ของเรา ในส่วน URL ปลายทาง เช่น www.myworldpluslive.com/?refer=makemonet จากนั้นให้คลิ๊กที่ดำเนินการต่อไป
ใน การใส่ Keword จะแบ่งออกเป็น 4 แบบ ซึ่งแต่ละแบบจะกำหนดของเขตของ Keyword ที่จะให้โฆษณาเราแสดง อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การกำหนดขอบเขตของ Keyword จากนั้นคลิ๊กดำเนินการต่อไปครับ
ใน ส่วนนี้ประกอบไปด้วยการตั้งค่าโฆษณา
  1. การตั้งค่างบประมาณต่อวัน เช่นตั้งไว้ที่ $10 ต่อวัน เมื่อโฆษณาเราแสดงแล้วมีคลิ๊กจนโฆษณาครบ $10 เมื่อไร ทาง Google Adwords ก็จะทำการหยุดโฆษณาของเราทันที ก็คือวันนี้เราจะทำโฆษณาแค่ $10 เท่านั้น
  2. ราคาต่อคลิ๊ก (CPC) ก็คือ ราคาต่อ 1 คลิ๊กของโฆษณาเรา เช่นตั้งไว้ที่ $0.10 ทันทีที่มีคนคลิ๊กโฆษณาเราเราก็จะเสียค่าโฆษณาสำหรับคลิ๊กนี้ $0.10
  3. ตั้งราคาเนื้อหา เป็นการตั้งค่าให้โฆษณาต่อคลิ๊ก ให้โฆษณาที่แสดงในเว็บพันธมิตรของ Google Adwords เช่นเว็บ Zickr.com เมื่อมีคนคลิ๊กในเว็บ Zickr.com ก็จะเสียค่าโฆษณาตามที่เรากำหนด
จากนั้นคลิ๊กดำเนินการต่อไปครับ

เมื่อตรวจสอบความเรียบร้อยแล้วให้เราคลิ๊กที่ "ดำเนินการต่อเพื่อเรียกเก็บเงิน"
ให้เราเลือกเรียกเก็บภายหลัง เลือกบัตรเครดิตอย่างที่วงกลมสีแดงไว้ครับ เสร็จแล้วคลิ๊กดำเนินการต่อไป

ให้เราคลิ๊กที่ใช่ เพื่อยืนยันข้อตกลงครับ เสร็จแล้วกดดำเนินการต่อไป
กรอกราย ละเอียดบัตรเครดิต ชื่อ ที่อยู่ ของเราให้เรียบร้อยดังตัวอย่างรูปภาพครับ เสร็จแล้วคลิ๊กที่ "ตกลงเปิดใช้บริการ" ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเรื่องบัตรก็เป็นอันนเสร็จจเรียบร้อยแล้วครับ ทาง Google Adwords จะทำการตัดเงินจากบัตรเรา เมื่อถึงเวลาครบกำหนดครับ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การเรียกเก็บเงินจาก Google Adwords
จากนั้้นก็รอให้ Google Adwords ทำการตรวจสอบโฆษณาของเรา ถ้าไม่มีปัญหาอะไร โฆษณาของเราก็จะขึ้นอีกประมาณ 5-15 นาทีครับ
  
Cr : http://affiliategdischool.blogspot.com/2011/09/google-adwords.html


Affiliate Marketing ตอน 2

ตัวอย่างเว็บ eCommerce ที่โด่งดังอย่าง ก็มีระบบการให้ Affiliate ช่วยในการขายสินค้าเช่นกัน https://affiliate-program.amazon.com/ โดย Amazon จะจ่ายเงินจากจำนวนของที่ขายได้จากการดึงคนเข้าสู่เว็บของคุณคิดเป็น % ของยอดขาย ถ้ายิ่งขายได้มาก ก็จะยิ่งได้ % มากขึ้น
นอกจากนั้นเองภายในประเทศไทยก็มีการทำ Affiliate Marketing ได้เช่นเดียวกันยกตัวอย่างเช่น
Trendyday.com  (http://www.trendyday.com/affiliate/) โดย Officemate ที่ขายสินค้ามากมายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน วิธีการสมัครก็ง่ายมาก เพียงแค่เข้าเว็บไซท์ไปกรอกข้อมูล หลังจากนั้นก็เพียงแค่ให้คนเข้ามาซื้อสินค้าผ่านทาง Link ที่เราโปรโมทผ่านช่องทาง Blog, โฆษณา, E-mail, Tweet, facebook หรือ ช่องทาง Online อื่นๆของคุณ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้รับ Commission 10% และมีการสะสมยอดประจำเดือนและโปรโมชั่นพิเศษอีกด้วย 
ข้ามฟากไปยังอีก Affiliate Marketing ระดับโลกที่เป็นสินค้าเฉพาะทางประเภทอาหารเสริมและเครื่องสำอาง คุณภาพสูงผลิตจากแหล่งวัตถุดิบจากธรรมชาติของ New Zealand อย่าง http://lovelifelivelonger.com/ ที่มาตั้งบริษัทไทยประเทศไทยร่วม 5 ปีแล้ว และมีระบบร้านค้ารูปแบบ Affiliate Marketing ที่ทาง Xtend-Life เรียกว่า e-Franchise ที่เปรียบเสมือนกับให้คุณเปิด franchise ร้านสินค้าจำพวกเครื่องสำอางและอาหารเสริมของ Xtend-Life บนโลกออนไลน์โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย! ลงแต่แรง
โดย e-franchise ของ Xtend-Life มีระบบที่ให้คุณสามารถบริหารงานหน้าร้านของคุณได้ง่ายๆ ตั้งแต่การเลือกแบบของร้านค้า การโฆษณาไปยัง Contact List ของคุณ โดยคอมมิชชั่นของ Xtend-Life สูงถึง 24% โดยผู้บริหารได้ทำการจำกัดจำนวนของ Foundation Member ที่จะได้รับสิทธิพิเศษไว้อยู่ที่ 10,000 ราย ใครสนใจอาจจะต้องรีบหน่อย
โดยถ้าคุณเลือกและสนใจที่จะทำ Affiliate Marketing จริงๆ คุณควรจะเรียนรู้ 5 เรื่องสำคัญ สำหรับการทำ Affiliate Marketing ดังนี้
  1. การเข้าใจในสินค้าที่เรากำลังจะขายว่า เหมาะกับใคร และ ใครจะซื้อ รวมถึง ศึกษาข้อมูลว่า คนเหล่านั้น มีพฤติกรรมบนโลกอินเตอร์เนตอย่างไร
  2. ศึกษาเรื่องโฆษณาต่างๆ โดยเฉพาะโฆษณาแบบ CPC (Cost-Per-Click) ที่ส่งโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย เช่น facebook ads, google adwords, adnetwork ที่ช่วยให้คุณสามารถส่งโฆษณาที่เหมาะสมไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ (เพราะ CPC Ads จะเสียค่าใช้จ่ายเมื่อมีคนคลิกเข้าไปใน link นั้น)
  3. ในกรณีที่คุณมี Blog คุณอาจจะต้องเรียนรู้เรื่องการเขียนบทความ หรือ เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆเช่นรูปถ่ายหรือ Video เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย และควรจะเรียนรู้เรื่อง SEO และ SMO ควบคู่กันไปด้วย
  4. เรียนรู้เทคนิคการสร้างตัวคนให้ดังและมีคนสนใจบน Social Network
  5. ในกรณีที่ 4 ข้อด้านบนยากเกินไป คุณอาจจะใช้วิธี Personal Selling คือขายด้วยตัวคุณเองไปก่อน และให้คนที่สนใจสินค้า เข้าไปซื้อโดยผ่าน Link ที่คุณส่งให้ คุณก็จะได้รับ Commission เช่นกัน
  6. สุดท้ายที่สำคัญมากๆ และควรระวังสำหรับการทำ Affiliate Marketing ก็คือ มีการแฝงตัวของการขายตรงในรูปแบบแชร์ลูกโซ่ตามเว็บต่างๆ ดังนั้นการเลือกเว็บ Affiliate Marketing ที่มีการรับรองจากรัฐบาล อย่างเช่นมีการลงทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์อย่างถูกต้อง พร้อมเครื่องหมาย DBD Registered หรือ ถ้าเป็นอาหารเสริม หรือ ยาต่างๆ ก็ควรจะตรวจสอบให้แน่ใจว่า สินค้าเป็นสินค้าที่มีการจดทะเบียนกับ อย. อย่างถูกต้องตามกฎหมายจริงๆ และไม่ควรจะมีค่าใช้จ่ายใดๆ ในการสมัครเป็น Affiliates เพราะเราไม่ได้ทำการ stock สินค้า แต่เราช่วยหาลูกค้าไปซื้อเท่านั้น
Affiliate Marketing ถือเป็นช่องทางหารายได้ ทั้งแบบรายได้หลักและรายได้เสริมได้เป็นอย่างดี เพียงทำความเข้าใจในตัวลูกค้าและการหาลูกค้าบน Internet โดยไม่ต้องมีสินค้า หรือความรู้ในการเขียนเว็บไซท์ ซึ่งคุณก็อาจจะทำเงินแสนต่อปีได้ไม่ยากนัก ขอให้โชคดีครับ icon smile ไม่มีสินค้า? เขียนเว็บไม่เป็น? ก็หาเงินได้ง่ายๆด้วย Affiliate Marketing

Cr : http://jexep.net/business/make-money-with-affiliate-marketing/

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

มารู้จักกับระบบ my และข้อดี-ข้อเสียของมันกันดีกว่า (my By CAT)


            my เป็นบริการในระบบ GSM ปล่อยสัญญาณในแบบ UTMS/HSPA (3G/3G+) บนคลื่น 850 MHz. ซึ่ง CAT หรือ กสท. เป็นเจ้าของอยู่แล้ว แต่เดิมคลื่นนี้ได้ให้บริการในแบบ CDMA ซึ่งเดิมชื่อ CATCDMA และให้สัมปทานกับบริษัทเอกชนให้บริการ CDMA เหมือนกันในเขตกรุงเทพฯ และบางส่วนของต่างจังหวัดในชื่อ HUTCH ต่อมาเมื่อ HUTCH เลิกกิจการไป Truemove จึงได้เข้าไปซื้อสัมปทานที่เหลือมา (ก็ประมาณ 15 ปี) และได้เปลี่ยนรูปแบบการให้บริการจากระบบ CDMA มาเป็น GSM เหมือนกับ Truemove โดยผู้ที่ดำเนินการคือบริษัท Real Move (เป็นบริษัทลูกของ Truemove อีกที) และให้บริการในชื่อ Truemove-H (จับคู่กันแบบนี้ครับ Truemove=Truemove / Truemove-H=Real Move)

            แล้ว Truemove-H มาเกี่ยวอะไรกับ my ก็เหมือนสมัยก่อนนั่นล่ะครับ เพราะสัมปทานยังเป็นฉบับเดิมแค่เปลี่ยนผู้ถือ คือตอน HUTCH ตั้งเสาส่ง CDMA นั้นตามสัมปทานทั้งเสาและอุปกรณ์ต้องเป็นสมบัติของ CAT และต้องติดอุปกรณ์ส่งสัญญาณของ CAT ไปด้วย ดังนั้นนอกเหนือพื้นที่สัมปทานของ HUTCH ทีได้ไปไม่กี่จังหวัดจึงเป็น CAT ที่ทำหน้าที่ให้บริการในชื่อ CATCDMA ต่อมาเมื่อสัมปทานของ HUTCH เปลี่ยนแปลงมาเป็นของ Real Move จึงต้องดำเนินการในรูปแบบเดิม คือ Real Move มีหน้าที่เปลี่ยนอุปกรณ์ส่งสัญญาณจากแบบ CDMA เป็น GSM และต้องติดตั้งให้ CAT ด้วย แต่ในสัมปทานฉบับใหม่นี้คงแก้ไขให้ Real Move สามารถให้บริการได้ทั่วประเทศ ดังนั้น ง่าย ๆ เลยคือตรงไหนมี Truemove-H ตรงนั้นก็จะมี my ครับ
            ทำไมต้องมีบริการคู่กัน ตรงนี้ผมเข้าใจว่าเพราะข้อจำกัดของกฎหมายน่ะครับ อย่าง TOT ที่ขาย MVNO คลื่น 2100 MHz. ให้กับเอกชนไปก็ยังต้องให้บริการเองด้วยส่วนหนึ่ง คล้าย ๆ กันน่ะครับ
            เอาล่ะ มาว่ากันเรื่องของเทคนิค หลายคนสงสัยว่า Truemove-H หรือ my จะครอบคลุมพื้นที่ขนาดไหน จะกว้างไกลเท่า AIS หรือเปล่า ผมบอกเลยว่า “ดีกว่าเยอะ” ครับ เพราะเสาของ CAT นั้นครอบคลุมทั่วประเทศอยู่แล้ว สิ่งที่ Real Move ต้องทำก็เพียงแค่เปลี่ยนอุปกรณ์และปล่อยสัญญาณเท่านั้นเอง จึง “เร็ว” มาก และด้วยระยะเวลาสัมปทานที่เหลือเยอะที่สุดอย่างน้อย ๆ ก็สามารถทำอะไรได้มากกว่าเจ้าอื่น ๆ แน่นอน (แต่ก็ไม่รู้จะโดนฟันสัมปทานเมื่อไร) ส่วนเรื่องคุณภาพของสัญญาณ ด้วยเทคโนโลยีของ 3G นั้นสามารถส่งเสียงและข้อมูลได้พร้อมกันโดยไม่เบียดกันอยู่แล้ว และโดยเนื้อแท้ของคลื่น 850 MHz. มันไม่ได้ต่างอะไรกับ 900 MHz. ของ AIS เลย แต่ที่หลายท่านเจอปัญหาเสียงสนทนาหรือสัญญาณในการสนทนาของ Truemove-H หรือ my ไม่ดีก็เพราะมัน roaming ไป Truemove นั่นเอง ก็อย่างที่รู้กันล่ะนะครับว่า Truemove มันง่อยเปลี้ยขนาดไหน 555+

สรุปดังนี้นะครับ

1. CAT หรือ กสท. เป็นเจ้าของคลื่น 850 MHz. และเป็นเจ้าของสัมปทาน
2. HUTCH คือลูกค้าสัมปทานเดิมของ CAT ให้บริการสัญาณโทรศัพท์ในแบบ CDMA
3. CATCDMA คือบริการ CDMA ที่ให้บริการควบคู่ไปกับ HUTCH
4. Real Move คือบริษัทลูกของ Truemove ตั้งมาเพื่อมาซื้อสัมปทานเดิมของ HUTCH และให้บริการสัญญาณโทรศัพท์แบบ GSM ในชื่อ Truemove-H
5. รูปแบบสัมปทานของ Real Move กับ CAT ถูกแปลงมาเป็น “ตัวแทนจำหน่าย” (Reseller)
6. พื้นที่การให้บริการของ Truemove-H ขึ้นอยู่กับเสาของ CAT ไม่เกี่ยวกับ Truemove เดิม
7. คลื่น 850 ของ CAT และ 900 ที่ได้สัมปทานของ AIS โดยเนื้อแท้ไม่ต่างอะไรกันเลย
8. สัญญาณเสียงที่ไม่ดีของ Truemove-H และ CAT นั้นเพราะถูก roaming ไป Truemove ซึ่งสามารถแก้ไขไม่ให้ roaming ได้
9. คุณภาพทั้งสัญญาณเสียงและข้อมูลของ my และ Truemove-H นั้นเหมือนกันทุกประการ ต่างกันเพียงผู้ให้บริการ การบริการหลังการขายและอัตราค่าบริการเท่านั้น

ก็น่าจะเข้าใจ my และรู้จัก Truemove-H กันมากขึ้น บางคนสงสัยว่า Truemove-H มันเป็นเนื้องอกของ Truemove หรือเปล่า ที่จริงมันเกี่ยวดองกันแค่ “เจ้าสัวเป็นเจ้าของ” เหมือนกันแค่นั้นล่ะครับ นอกนั้นไม่ได้มีอะไรข้องแวะกันเลย (ในแง่ที่ผู้บริโภคจะสัมผัสได้แบบเผิน ๆ นะครับ)

ทีนี้มาดูข้อดีข้อเสียของระบบ my กันดีกว่า

ข้อเสียของระบบ my ที่อยากให้ทำใจหากคิดจะไปใช้

1. ศูนย์บริการน้อย (แต่เห็น กสท เปิดรับพนักงานประจำ Shop เพิ่มอยู่ อาจจะมีมากขึ้นในเร็วๆนี้)
2. ใบแจ้งหนี้ออกช้ามาก คือมันจะมาตอน "เลยกำหนดชำระ" ไปแล้วซักเกือบเดือน (แต่เดียวนี้มาเร็วขึ้น)
3. ตั้งความหวังอะไรกับ callcenter ไม่ได้ (ใช้ช่องทางอื่นดีกว่า)
4. ยังไม่มี FUP ทำให้คนใช้งานติดนิสัย "ใช้งานไม่ระวัง" เมื่อย้ายไป operator รายอื่นอาจเจ็บหนักได้ (บางท่านบอกว่า นี้คือข้อดีครับ)
5. พื้นที่ใดไม่มี 3G จะไป roaming 2G ระบบ 1800 ของ True ซึ่งสภาพสัญญาณก็อย่างที่รู้กัน

ข้อดี

1. เร็วพอประมาณ แต่ครอบคลุม บางที่ไม่มีแจ้งในเว็บก็สามารถใช้ 3G ได้ (แน่นอนว่า บางที่แจ้งไว้ แต่ใช้ไม่ได้ก็มี)
2. จากข้อ 1. มันยังเสถียรพอควรด้วย ผมอยู่บ้านใช้ Viber โทรหาแฟนผ่าน WiFi โดยแฟนใช้ my นั่งรถตู้จากมาบุญครองไปสะพานใหม่ (บางช่วงตีนพระงบนิ่ง บางช่วงตีนผีเหยียบกระจาย) สามารถทะเลาะกันได้ตลอดทางโดยไม่ขาดช่วงเลย
3. โปรโมชั่นค่อนข้างถูก เหมือนพวกขายตรงมั๊ง ไม่โฆษณาเลย ใช้บอกต่อๆเอา แล้วมาลดค่าโปรโมชั่นเอา
4. ยังไม่มี FUP แฟนผมเล่นเปิดวิทยุ online 24 ชม. (ถ้าจะไม่ฟังคือเอาหูฟังออกจากหู และคุณเธอเสียบสายชาร์ทตลอด จน cooper ที่ผมซื้อให้(พร้อมรายเดือนทุกเดือนก็ไปจ่ายให้) โดนกระทำทารุณกรรมอย่างหนัก)


มาดูข้อมูล 3G my เพิ่มเติมกันดีกว่า

Cr :
http://pex.im/2012/05/07/my-by-cat
http://droidsans.com/node/51349

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

มือถือหาย!! อย่าพึ่งตกใจ มาตามหามือถือและจับขโมยกันเถอะ

           สำหรับผู้ใช้มือถือ Android ที่กังวลว่าสมาร์ทโฟนของคุณจะถูกขโมย หรือเผลอลืมไว้ที่ไหน? แล้วใครบางคนเก็บได้แต่ไม่ยอมคืน ด้วยฟีเจอร์ Lock Cam ที่มาพร้อมกับ Lookout แอพฯ บนอุปกรณ์ Android มันจะถ่ายรูปหน้าหัวขโมยที่พยายามจะ unlock มือถือ หรือแท็บเล็ตของคุณ แล้วส่งภาพดังกล่าวให้กับคุณทางอีเมล์...เจ๋งอ่ะ :D

           Lookout Mobile Security อัพเดทฟรีแอพฯบน Android ด้วยคุณสมบัติใหม่ที่เรียกว่า Lock Cam ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของมือถือ หรือแท็บเล็ตที่ติดตังแอพฯ ตัวนี้ สามารถติดตามมือถือ หรือแท็บเล็ตที่หายไปได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมันทำให้คุณทราบได้ว่า ผู้ที่เก็บมันได้โดยบังเอิญ แต่ไม่อยากคืน หรือหัวขโมยที่เอามือถือคุณไปมีหน้าตาเยี่ยงไร? โดยฟีเจอร์การทำงานของ Lock Cam จะทำการถ่ายภาพของผู้ใช้มือถือ หรือแท็บเล็ตของคุณด้วยกล้องทีอยู่ด้านหน้า เมื่อเวลาที่ใครบางคนพยายามจะปลดล็อคด้วยการมั่วรหัส 3 ครั้ง จากนั้นแอพฯ Lookout ก็จะส่งอีเมล์ภาพถ่ายใบหน้าของหัวขโมยพร้อมตำแหน่งของสถานที่ที่มันพยายามจะปลดล็อคมือถือ หรือแท็บเล็ตไปยังอีเมล์แอดเดรสของคุณ

ขั้นตอนการใช้งานและการตั้งค่าต่าง ๆ 
1. ดาวน์โหลด Lookout Mobile Security สำหรับ Android และติดตั้งให้เรียบร้อย แล้วเปิดโปรแกรมขึ้นมา ให้ทำการสมัครและลงชื่อเข้าใช้ให้จะได้ตามรูปครับ ระบบจะทำการ scan virus ให้เราอัตโนมัติทันที สำหรับบริการที่ให้ใช้ฟรี ได้แก่ Security , Backup และ Missing Device (ตามหามือถือหาย)

2. ให้ตั้งค่าการติดตามมือถือหายโดย ไปที่ Missing Device ==> คลิก Enable Better Protection ==> ติ๊กถูก Enable Better Protection ==> เลือก Activate เมื่อตั้งค่าถูกต้องแล้ว ปุ่ม Enable Better Protection   จะหายไปครับ ถือว่าเรียบร้อยแล้ว


3. ต่อไปก็เปิดพีซีขึ้นมา แล้วไปที่ https://www.mylookout.com/user/login แล้วลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีเดียวกันกับแอพบนมือถือนะครับ
4. เมื่อเข้ามาในบัญชีผู้ใช้ของเราแล้วก็จะเป็นเหมือนในรูปครับ เราสามารถจัดการในส่วนต่าง ๆ ได้ ตามรูปเลยครับ
5. จากรูปจะเป็นการค้นหาเครื่องที่หายนะครับ เมื่อระบบทำการค้นหาประวัติที่อยู่เครื่องเรียบร้อยแล้วจะส่งมาให้เราทางอีเมลล์ครับ 
และในส่วนของการค้นหาเครื่องมือถือ เราสามารถสั่งการแจ้งเตือนด้วยเสียงไปยังมือถือที่เราทำหาย สั่งแบ็คอัพข้อมูล หรือสั่งลบข้อมูลที่เครื่องได้อีกด้วยครับ
           ทั้งนี้ Lookout กล่าวว่า ตัวแอพฯ จะถ่ายรูปเจ้าหัวขโมยอย่างเงียบๆ โดยที่เจ้าหัวขโมยไม่รู้ตัวเลยว่า ถูกบันทึกภาพใบหน้าไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ Lookout เวอร์ชันอัพเดทที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ Lock Cam สามารถดาวน์โหลดฟรีได้จาก Google Play ซึ่งแน่นอนว่า มันเป็นเวอร์ชันที่สามารถใช้งานได้กับผู้ใช้อุปกรณ์ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทเปิดเผยว่า มีความตั้งใจที่จะพัฒนาแอพฯ Lookout ที่มีฟีเจอร์นี้บนอุปกรณ์ iOS อย่าง iPhone และ iPad อยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้เปิดเผยว่า จะทำออกมาสักเมื่่อไร?

Cr : http://www.iphone-droid.net/

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

กสท รับสมัครบุคคลเข้าทำงาน จำนวน 19 อัตรา (รับพนักงาน/ลูกจ้างฯและบุคคลภายนอก)


บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นรํฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีคว่ทประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อบรรจุเข้าทำงานในคุณวุฒิปริญญาโท หรือปริญญาตรี หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง (ปวส.) สาขาวิชาต่างๆ จำนวน 19 อัตรา

#การสมัคร
เปิดรับสมัครด้วยระบบใบสมัครอิเล็กทรอนิกส์ ทาง www.cattelecom.com ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2556 เวลา 8.00 น. ได้ตลอดเวลา จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2556 เวลา 16.00 น.

โดยการกรอกใบสมัคร ผู้สมัครต้องระบุข้อ และคุณวิฒิที่ต้องการสมัครคัดเลือกให้ชัดเจนและสมัครได้เพียงข้อเดียวเท่านั้น หากไม่ระบุข้อที่ต้องการสมัครหรือระบุเกินกว่า 1 ข้อ หรือไม่แนบเอกสารหลักฐานประกอบการสมัครตามที่กำหนดจะถือว่าขาดคุณสมบัติ และจะไม่ได้รับการพิจารณา

#การคัดเลือก
1.ภาคเฉพาะตำแหน่ง - วิชาความรู้ ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่งตามคุณวุฒิที่สมัครคัดเลือก ( 100 คะแนน)
2.ภาคทั่วไป - วิชาความถนัดทางเชาวน์ปัญญา (Aptiude Test)/ภาษาอังกฤษ ( 100 คะแนน)
3.ภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง - สัมภาษณ์ (จะดำเนินการภายหลังจากการประกาศผลสอบข้อเขียนตาม 1 และ 2 แล้ว)( 100 คะแนน)

#การประกาศผล
บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) จะประกาศรายชื่อผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนและเหมาะสมเพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2556 ทาง www.cattelecom.com

"Click" อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

Affiliate Marketing คืออะไร



Affiliate Marketing คืออะไร
การทำ Affiliate Marketing หมายถึงการที่คุณทำการโปรโมตสินค้า บริการ หรือเว็บไซท์ใดๆก็ได้ที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ต จากนั้นก็สะสมรายได้ เมื่อมีคนเข้ามาทำกิจกรรมผ่าน Links ที่คุณทำการ โปรโมต โดยกิจกรรมที่คนทำนั้น อาจเป็นการ CLICK การ SALE การ SIGN UP อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้ง 3 อย่าง
ถ้าสรุปง่ายๆ ก่อนก็คือว่า งาน Affiliate คืองาน Promote Links เท่านั้นเอง โดย Links ที่เรานำมาโปรโมตนั้น จะมีชื่อเรียกเฉพาะว่า Profit Links
ความง่ายของงานนี้อยู่ตรงที่ว่า คุณไม่จำเป็นต้องมีสินค้า หรือว่าบริการ หรือว่าเว็บไซซ์เป็นของตนเอง ขอเพียงคุณเรียนรู้วิธีการสร้าง Profit Links และเรียนรู้เทคนิค ในการโปรโมต Links ในแบบต่างๆทั้งในระยะสั้นและในระยะยาวแล้ว มันจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของคุณ เป็นอย่างมากทีเดียว
 

- อะไรคือ Affiliate Marketing
- ระบบนี้มีข้อดีอย่างไร
- ระบบนี้ทำงานอย่างไร
- จะโฆษณา Affiliate Program ของเราได้อย่างไร

Affiliate Marketing หรือ การเป็นนายหน้าขายของผ่านอินเทอร์เน็ต นั้นคือการทำโฆษณาสินค้าผ่านตัวแทนต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งเมื่อก่อนการขายสินค้าและบริการจะจำกัดอยู่ที่ การลงโฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ แผ่นพับ หรือ ใบปลิว ต่าง ๆ ซึ่งเมื่อคนต้องการขายของ ก็จะทำการลงโฆษณาในสื่อต่าง ๆ พวกนี้ และในสมัยต่อมา ได้มีสื่ออินเทอร์เน็ตขึ้นมา ทำให้การโฆษณาผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตทำได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็นการนำ Banner ป้ายโฆษณา ต่าง ๆ ไปติดไว้บนเว็บไซต์ที่มีคนเข้าชมเยอะ ๆ หรือ เว็บไซต์ที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าของสินค้านั้น ๆ หรือการไปซื้อโฆษณาจากเว็บไซต์ค้นหาต่าง ๆ เช่น Google Search, Yahoo Search Msn Search เป็นต้น
      ซึ่งเมื่อคนเห็นโฆษณาแล้ว ก็ทำการคลิกเข้าไปซื้อสินค้า ผู้ลงโฆษณาหรือเจ้าของสินค้าก็ได้รับเงินผลกำไรไป แต่แล้วก็มี กระทาชายนายหนึ่ง หัวใส คิดว่าการที่ตนเองลงโฆษณาคนเดียวนั้น มันไม่ค่อยสะดวก ไหนจะต้องเหนื่อยดูแล และ ไหนจะต้องคอยบริหารสินค้าต่าง ๆ ก็เลยเกิดความคิดที่ว่า ให้ใครก็ได้มาขายของให้ตนเอง และ ถ้าขายได้ ก็จะให้ค่า Commission กลับคืนไป เมื่อมีผู้ผลิตสินค้า ทำรูปแบบนี้เยอะ ๆ เข้า ก็เลยเกิดเว็บไซต์ Affiliate Provider ขึ้นมาทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อ และ ผู้ขาย โดย Affiliate Provider นี้จะคอยดูแลร้านค้าต่าง ๆ ไม่ให้โกง คนขาย (Affiliate Marketer) และ คอยดูแล คนขาย ไม่ให้โกง ร้านค้า ด้วย ซึ่งการมี Affiliate Provider นี้ ทำให้การทำธุรกิจเป็นไปด้วยความรวดเร็วและโปร่งใส

ข้อดีของ Affiliate Marketing
- ไม่จำเป็นต้องมีสินค้าของตัวเอง
- ไม่จำเป็นต้องบริการหลังการขาย
- ไม่จำเป็นต้องมีเว็บไซต์ก็ได้ (แต่ถ้ามีจะช่วยเพิ่มมูลค่าขึ้นเยอะ )
- สามารถควบคุมต้นทุนได้
- สามารถหยุดการขายได้ทันทีถ้าไม่มีกำไร เนื่องจากไม่ต้อง Stock สินค้า
- สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ ขอเพียงมี Internet
- วันใดไม่ได้ทำงาน แต่ก็ยังมีรายได้เข้ามาเรื่อย ๆ
- ไม่ต้องห่วงเรื่องโดนโกงค่า Commission

การทำงานของระบบ Affiliate Marketing
- เจ้าของสินค้า/บริการ สมัครเป็นสมาชิก Affiliate Provider
- เจ้าของสินค้า/บริการ แสดงสินค้าพร้อมค่าคอมมิสชั่น ที่ Website ของ Affiliate Provider
- ผู้ขาย สมัครเป็นสมาชิกของ Affiliate Provider
- ผู้ขาย สมัครเข้าเป็นตัวแทนขาย กับสินค้านั้น ๆ ที่เลือก
- ผู้ขาย นำ Link หรือ Banner ของสินค้า ไปติดที่เว็บไซต์ตัวเอง หรือ นำไปโปรโมท ตาม Search Engine
- ผู้ซื้อ คลิกผ่าน Link หรือ Banner ที่ผู้ขายนำไปติดไว้ แล้วไปซื้อสินค้า
- ผู้ซื้อ จ่ายเงินให้กับ Affiliate Provider
- Affiliate Provider จ่ายเงินให้กับร้านค้าที่เอาของมาขาย + จ่ายเงินค่าคอมมิสชั่นให้กับ ผู้ขาย

การโฆษณา Affiliate Program ของเราทำอย่างไรได้บ้าง
- โฆษณา ผ่าน Search Engine Optimization (SEO)
- โฆษณา ผ่าน Pay Per Click Program (PPC)
- โฆษณา ผ่าน News Letter
- โฆษณา ผ่าน สื่ออื่น ๆ


สรุป
- การทำ Affiliate Marketing ก็คือการ นำสินค้าหรือบริการของ ผู้ขาย มาขาย และ เมื่อขายได้แล้ว เราก็ได้ค่า คอมมิสชั่น นั่นเอง
- ระบบนี้มีข้อดีคือ สามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ที่มี Internet, มีหรือไม่มีเว็บไซต์ของตัวเองก็ได้, ควบคุมต้นทุนได้ง่าย, เรียนรู้และเริ่มต้นได้เร็ว
- การขาย สามารถทำการขายได้หลายรูปแบบ แต่ที่นิยมกันก็คือ การขายผ่าน เว็บไซต์ตัวเอง, การขายผ่าน Search Engine และ News Letter หรือ สื่ออื่น ๆ

วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

วิธีการสมัคร Google Adwords


การสมัคร Google Adwords ต้องใช้ Gmail ครับ ใครยังไม่มีเข้าไปสมัครก่อนเลยครับเข้าไปที่ Gmail.com สมัครเสร็จแล้ว ก็เข้าไปที่ adwords.google.com 



จะเจอหน้าแรกของ Google adwords ให้เราเปลี่ยนเป็นภาษาไทยครับ จะได้ไม่งง ดังรูปครับ

เมื่อคลิ๊กแล้วจะเจอหน้านี้ครับ เลือกแบบมาตราฐาน จากนั้นคลิ๊กดำเนินการต่อไป ดังรูปเลยครับ

จาก นั้นจะเจอ หน้านี้ให้เลือกข้อแรกทั้ง 2 อันครับ จากนั้นให้ใส่ Email Password ของ Gmail ที่เราทำการสมัครไว้แต่แรกครับ ใส่เสร็จแล้วคลิ๊กดำเนินการต่อไป ดังรูปด้านล่างนี้ครับ
จะเจอหน้านี้ครับให้เราเลือกเป็นค่าเงินของ USD US$ เพื่อความมาตราฐานครับ เลือกแล้วคลิ๊กดำเนินการต่อ ดังรูปครับ

 เสร็จแล้วจะเจอหน้านี้ ให้คลิ๊กที่ "เข้าสูบัญชี Google Adwords ของคุณ" ดังรูปครับ



Cr : http://affiliategdischool.blogspot.com/2011/09/google-adwords.html

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

Google Adwords คืออะไร




Google AdWords คือ การโฆษณาหรือโปรโมทเว็บไซต์รูปแบบหนึ่งกับ Google มีการคิดค่าใช้จ่ายโฆษณาแบบ pay per click เป็นการจ่ายโฆษณาตามที่มีการคลิ๊กดูโฆษณาของเรา การเสียค่าใช้จ่ายแบบนี้จะเป็นการเสียค่าใช้จ่ายตามจริง เมื่อผู้ใช้บริการค้นหาข้อมูลคลิกเข้าชมเว็บไซต์ของเราเท่านั้น และโฆษณาจะปรากฏให้ผู้ชมเห็นตามคีย์เวิร์ด (Keyword) หรือ กลุ่มคำที่คุณเลือกไว้ซึ่งเป็นคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ 

ค่าใช้จ่ายการลงโฆษณา ผ่านเสิร์ช เอนจิ้นในรูปแบบ Cost Per Click ของแต่ละแคมเปญจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับกลุ่มคำหรือคีย์เวิร์ดที่เลือกใช้ คีย์เวิร์ดคำใดที่เป็นที่นิยม และมีคู่แข่งขันเป็นจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายต่อการคลิก 1 ครั้งก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เช่น ความชำนาญในการเลือกคีย์เวิร์ดและการเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย ช่วงระยะเวลาและความต่อเนื่องของแคมเปญ จำนวนชิ้นงานโฆษณาของแต่ละแคมเปญ ระบบการดูแลบริหารแคมเปญ เพื่อให้เกิดราคาต่อคลิกที่มีประสิทธิผลสูงสุด   ทั้งหมดล้วนส่งผลถึงงบประมาณที่ใช้ในการโฆษณาทั้งสิ้น

ข้อดีของ Google Adwords 
 •  ใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานไม่นานก็สามารถทำการโฆษณาเว็บของคุณได้แล้ว ไม่ต้องใช้เวลานานมากเหมือน SEO( Search Engine Optimization)
 •  สามารถเลือก Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณได้ไม่จำกัด
 •  กำหนดตำแหน่งของโฆษณาได้แน่นอน ขึ้นอยู่กับราคา Bid ของแต่ละ Keyword
 •  อัตราการซื้อและกำลังซื้อของผู้เยี่ยมชมสูงกว่า SEO( Search Engine Optimization)
 •  กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างชัดเจน
 •  ไม่ต้องคิดถึงกฎเกณฑ์ของ Search Engine
 •  คนที่คลิกโฆษณาของคุณนั้นก็คือผู้ที่สนใจใน บริการหรือสินค้าของคุณจริงๆ ซึ่งมีโอกาส มากๆ ที่จะมาเป็นลูกค้าของคุณ
 •  ถ้าไม่มีคนคลิกโฆษณาของคุณ ก็ไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาให้กับ Google
 •  กำหนด Title และ Description ของโฆษณาได้

ข้อเสียของ Google Adwords 
 •  ต้องจ่ายค่าบริการให้กับ Google ทุกครั้งที่มีคนคลิกโฆษณาของคุณ
 •  ราคาของ Keyword มีการขึ้นลงอยู่เสมอ ตามการแข่งขัน

ทำไมต้องใช้บริการ Google Adwords •  Google เป็น Search Engine ที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดของโลกในขณะนี้ และยังมี
    ส่วนแบ่งการตลาดของ Search Engine รายอื่นๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google อีกมาก เช่น


    และอื่นๆอีกมากมาย ดังนั้นโฆษณาของคุณมีโอกาสสูงทีเดียวที่จะเข้าถึงเว็บไซด์ชั้นนำของ
    โลกเหล่านี้ได้
 •  ภายใน 15 นาที โฆษณาของคุณจะปรากฎอยู่ในเว็บไซด์ของ Google และเครือข่ายเว็บ-
    ไซด์ของคุณจะได้รับทราฟฟิกทันที
 •  สามารถกำหนดงบประมาณประจำวันได้
 •  กำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน เช่น ประเทศ ภาษา เมือง
 •  กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างชัดเจน
 •  แก้ไข Keyword และเปลี่ยนข้อมูลโฆษณาได้ โดยโฆษณาที่แก้ไขแล้วจะแสดงผลในทันที


หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซด์ ที่กำลังขายสินค้าและบริการอยู่ อย่ารอช้าที่จะเรียนรู้โปรแกรม google adwords เพราะโปรแกรมนี้จะทำให้ คุณและลูกค้า มาเจอกันได้โดยตรง แค่ลูกค้าคุณพิมพ์ คำ ?  (keywords) ที่เกี่ยวข้อง กับบริการหรือสินค้าคุณ โฆษณาเว็บของคุณ ก็จะปรากฎขึ้นอยู่ด้านบนสุด หรือฝั่งขวามือทันที (ในภาพ)

ทำไม ? คุณถึงต้องทำโฆษณากับกูเกิ้ล นะเหรอ! ง่ายมากครับ เพราะในประเทศไทย พบว่า คนไทยใช้ Google.com ในการค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการต่างๆถึง 98% ดังนั้นถ้าหากโฆษณาเว็บไซต์สินค้าของคุณไปปรากฏบน Google.com ได้ ก็จะช่วยเพิ่มลูกค้าอย่างมากมาย มหาศาล

 มี 2 วิธี ที่คุณจะลงโฆษณาเว็บคุณ ให้ปรากฎบนเว็บ google.com ได้คือ
1. คุณ จ่ายเงินให้กับบริษัท หรือตัวแทนโฆษณา ที่รับโปรโมทเว็บผ่านโปรแกรม Google Adwords 
2. คุณ ลงมือทำ ด้วยตัวของคุณเอง บนโปรแกรม Google Adwords

credit by :: http://www.thtfreeweb.com/adword.html

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

3G คืออะไร ?

วันที่ 16 ตุลาคม 2555 เป็นวันที่ กสทช. ได้ทำการเปิด ประมูลใบอนุญาต 3G บนคลื่อนความถี่ 2.1 Hz teen.mthai ก็เลยนำ เกร็ดความรู้ เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับเจ้า 3G นี้มาฝากเพื่อนๆกันคับ ว่าที่ทำไมต้อง 3G แล้วมันดีอย่างไร? ไปดูกันเลย ^^

3G คืออะไร?

3G หรือ Third Generation เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องจากยุคที่ 2 และ 2.5 ซึ่งเป็นยุคที่มีการให้บริการระบบเสียง และ การส่งข้อมูลที่มีข้อจำกัดอยู่มาก 3G จึงเป็นการพัฒนาให้สามารถส่งผ่านข้อมูลได้ในปริมาณที่มากกว่า เร็วกว่า ทำให้เกิดการใช้บริการมัลติมีเดีย และ ส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายจำนวนมากขึ้น จนเกิดเป็นบริการใหม่ๆ หลายอย่าง ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้มากยิ่งขึ้น
ลักษณะการทำงานของ 3G เมื่อเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว 3G มีช่องสัญญาณความถี่ที่สามารถรับส่งข้อมูลได้ในปริมาณที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่น รวมทั้งบริการระบบเสียงดีขึ้น รวมถึงการใช้บริการมัลติมีเดียได้สมบูรณ์แบบขึ้น เช่น บริการส่งแฟกซ์ โทรศัพท์ต่างประเทศ  รับ-ส่งข้อความที่มีขนาดใหญ่  ประชุมทางไกลผ่านหน้าจออุปกรณ์สื่อสาร รับ-ส่งไฟล์งาน ดาวน์โหลดเพลง เปิดคลิปวีดีโอออนไลน์แบบไม่สะดุดเป็นต้น

มาตรฐาน 3G (UMTS = Universal Mobile Telephone System) หรือเรียกกันในชื่อของเทคโนโลยี WCDMA (Wide Band Code Division Multiple Access) ที่มีการใช้งานและพัฒนากันมากว่า 10 ปีแล้ว โดยเปิดให้บริการบนความถี่ที่ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับพื้นที่การใช้งานของแต่ละประเทศหรือเขตทวีป โดยมีการแบ่งมาตรฐานของความถี่ที่ใช้เอาไว้ 5 ความถี่ด้วยกันคือ
  • 2100 MHz เป็นความถี่แรกของมาตรฐาน 3G WCDMA โดยใช้กันแพร่หลายมากที่สุดทั่วโลก โดยมีการใช้ในทวีปยุโรป เอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย
  • 1900 MHz ใช้กันแพร่หลายในแถบทวีปอเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้
  • 1700 MHz มีใช้กันในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
  • 850 MHz  ใช้กันมากในแถบทวีปอเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ ในเอเชียมีประเทศ ออสเตรเลียและไทย
  • 900 MHz  ใช้กันแพร่หลายในยุโรป เอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย หรือประเทศที่ให้บริการ GSM ในความถี่ 900 MHz แล้วมีการอัพเกรดระบบมาเป็น 3G บนความถี่เดิม
 3G ในประเทศไทย
           ย้อนกลับไปที่การสัมปทานคลื่นความถี่ในการให้บริการโทรศัพท์มือถือ เริ่มจากระบบ GSM ในยุคก่อน (โทรออก-รับสาย รับส่ง SMS) ก็จะมี AIS, DTAC, TAO (TA Orange ในสมัยนั้น) ต่อมาเป็นยุคของ GPRS จากนั้นต่อกันที่ยุคของ EDGE หรือเรียกเล่นๆว่า 2.5G และมีระบบ W-CDMA ถ้าใครยังจำกันได้ สมัยนั้นมีค่ายมือถือ Thai Mobile ด้วย และหากย้อนความกลับไปก่อนที่ TruemoveH จะเกิด ก็มี Hutch-CAT ให้บริการเครือข่าย CDMA บนความถี่แบบ 1x EV-DO
ในยุค 2G (โทรสนทนาปกติ, รับส่งข้อความ SMS)
- คลื่นความถี่ 900MHz คือ AIS (หลังจากนั้น AIS ก็นำคลื่นความถี่เดียวกันนี้ มาทำ 3G)
- คลื่นความถี่ 850MHz คือ DTAC/Truemove/DPC อย่าจำสับสนกับระบบโทรศัพท์ 1800MHz (ภายหลัง dtac, Truemove ก็ทดลองใช้ 3G บนคลื่นความถี่ 850MHz เหมือนกัน)
- คลื่นความถี่ 1900MHz ได้แก่ Thai Mobile (คือ TOT + CAT นั่นเอง)
- ในขณะที่ Hutch+CAT ให้บริการ CDMA 2000
- และล่าสุด ปีที่แล้ว Truemove + CAT ให้บริการ TruemoveH โดยใช้คลื่นความถี่ 3G เดิมคือ 850MHz
- TOT ให้บริการบนคลื่นความถี่ 2100MHz แล้วให้ผู้ให้บริการรายต่างๆ อย่าง i-mobile, i-kool เป็นคนทำตลาดให้ แล้วเช่าเสาทำ MNVO  ยุคถัดไปมีคลื่นใหม่คือ 2.3GHz (TOT) และ 2.6GHz ยังไม่มีรายใดเป็นเจ้าของคลื่น ซึ่งตรงนี้คือยุคของ LTE ซึ่งจะก้าวเข้าสู่ยุค 4G Candidate ในที่สุด

ที่นี้ทำไม 3G ต้องแบ่งเป็นหลายคลื่นความถี่ล่ะ?
           แล้วทำไมต้องขายเครื่องแยกด้วยล่ะ ในสมัยที่เราโทรออก – รับสายนั้น เรามักจะเลือกซื้อเครื่องพร้อมเบอร์ เพราะ AIS เป็นคลื่น 900MHz, Dtac, Truemove เป็นคลื่น 1800MHz และตอนนั้นมี DPC หรือ GSM 1800 เป็นคลื่น 1800MHz สมชื่อ แต่พอเป็นยุค 3G แล้วก็ต้องเลือกอุปกรณ์ให้ตรงกับคลื่นความถี่
จากสาเหตุที่เครือข่ายให้บริการ 2G และ 3G คนละความถี่ ทำให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ จำเป็นจะต้องนำตัวเครื่องอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือมาจำหน่ายเอง เพื่อให้สามารถใช้งานได้บนเครือข่ายของตน และบางรุ่นหากผู้ให้บริการไม่ได้นำเข้ามาขายอย่างเป็นทางการ ผู้ใช้ก็จะไปหาเครื่องนอกที่รองรับเครือข่ายของตนมาใช้งานแทน ดังนั้นจะเห็นว่า การประมูลคลื่นความถี่ 3G นั้นจะเป็นตัวกำหนดอุปกรณ์การใช้งานของเรา หากใครยังจำได้ iPhone 3GS ไม่สนับสนุน 3G 900MHz ของ AIS ดังนั้นผู้ใช้ iPhone 3GS จะใช้งาน 3G ได้เต็มประสิทธิภาพเฉพาะบน 3G dtac และ truemove เท่านั้น เช่นเดียวกับที่หลายๆคนเคยสงสัยว่า ทำไมสมาร์ทโฟนจึงมีการแยกขายเครื่องแต่ละผู้ให้บริการ เนื่องจากมีการปรับแต่งให้เหมาะสมกับความถี่ 3G ของแต่ละค่ายนั่นเอง            เมื่อเข้าใจพื้นฐานแล้ว ว่าแต่ละค่ายตอนนี้ใช้คลื่นความถี่ใดอยู่ ก็ลองมาดูว่า คลื่น 850MHz นั้นดีอย่างไร

ทำไมต้องเป็น my 3G บนคลื่นความถี่ 850MHz?


           ในเชิงเทคนิค แถบคลื่นความถี่ต่ำ 850 MHz จะให้บริการในพื้นที่ครอบคลุมกว่าแถบคลื่นความถี่สูง  และด้วยความถี่เดิมที่ กสท มีใช่งานอยู่ก่อนแล้วทำให้สามารถ Up cell site ที่มีอยู่เหล่านั้นให้สามารถให้บริการ 3G ได้เลยทันที โดย กสท เลือกที่จะให้บริการ 3G ด้วยเทคโนโลยี HSPA/WCDMA โครงข่ายปัจจุบันรองรับการใช้งานสูงสุดที่ความเร็ว 42 Mbps. ปัจจุบัน เปิดให้ใช้งานที่ DL Speed 21 Mbps. / UL Speed 5.76 Mbps.  พื้นที่ให้บริการครอบคลุมครบ 77 จังหวัด

my commitment

มาดูข้อมูล 3G my เพิ่มเติมกันดีกว่า

credit by :: if2u

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

Google Calendar คืออะไร ?

Google Calendar
Google Calendar คือ บริการปฏิทินแบบออนไลน์ของ Google ซึ่งทำให้คุณสามารถเก็บข้อมูลเหตุการณ์ต่างๆ รวมไว้ในที่เดียวกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกำหนดการนัดหมายและกำหนดเวลาเหตุการณ์ต่างๆ สามารถส่งข้อความเชิญ สามารถใช้ปฏิทินร่วมกับเพื่อนร่วมงาน และ ค้นหาเหตุการณ์ต่างๆ ได้ ซึ่ง Google Calendar มีข้อดีกว่าโปรแกรมที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ต่างๆดังนี้
1. Google Calendar เป็นบริการออนไลน์และให้บริการฟรี ซึ่งต่างกับโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อโปรแกรมมาใช้
2. โปรแกรมในคอมพิวเตอร์มีการแสดงกิจกรรมในรูปแบบได้น้อย ซึ่งต่างจาก Google Calendar ที่แสดงตารางกิจกรรมได้หลายรูปแบบมากกว่า
3. Google Calendar มีการแจ้งเตือนผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนโปรแกรมที่คล้ายกับ Google Calendar ไม่มีการแจ้งเตือนแบบนี้
4. Google Calendar ใช้งานได้ง่ายและสะดวกกว่า จึงทำให้ผู้ที่เริ่มใช้งานเข้าใจได้ง่าย
5. Google Calendar สามารถใช้ทุกที่ที่มีอินเตอร์เน็ตจึงทำให้สะดวกกว่าโปรแกรมที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ซึ่งถ้าคอมพิวเตอร์เครื่องไหนไม่มีโปรแกรมนั้นก็จะใช้ไม่ได้
ข้อดีของการใช้งาน google calendar จัดตารางเวลาของคุณ

1. แบ่งปันตารางเวลาของคุณ ช่วยให้เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว และเพื่อนๆ สามารถดูปฏิทินของคุณ และดูตารางเวลาที่บุคคลอื่นแบ่งปันกับคุณ เมื่อคุณทราบว่าคนอื่นว่างหรือไม่ว่าง การกำหนดแผนงานต่างๆ ก็กลายเป็นเรื่องง่าย
2. ใช้ปฏิทินขณะที่คุณเดินทาง
คุณสามารถทำให้ข้อมูลตรงกับปฏิทินภายในโทรศัพท์มือถือหรือ Google ปฏิทิน สำหรับมือถือ ซึ่งออกแบบขึ้นสำหรับหน้าจอขนาดเล็กโดยเฉพาะเพื่อเข้าถึงปฏิทินของคุณขณะที่คุณไม่ได้อยู่หน้าคอมพิวเตอร์
3. ไม่พลาดกิจกรรมต่างๆ อีก
ตัวเตือนความจำ ที่ปรับแต่งได้ จะช่วยให้คุณไม่พลาดกิจกรรมในตารางเวลา คุณสามารถเลือกรับการแจ้งทางอีเมลหรือรับข้อความทางโทรศัพท์มือถือของคุณ
 4. ส่งคำเชิญและติดตามการตอบรับคำเชิญ
เชิญบุคคลอื่น เข้าร่วมกิจกรรมในปฏิทินของคุณ ผู้เข้าร่วมจะสามารถตอบรับคำเชิญเข้าร่วมกิจกรรมทางอีเมลหรือผ่าน Google ปฏิทิน
5. ทำให้ข้อมูลตรงกับแอปพลิเคชันในเดสก์ท็อป
เข้าถึงปฏิทินของคุณได้ในทุกรูปแบบและทุกเวลาที่ต้องการ ด้วยการทำให้ข้อมูลกิจกรรมตรงกับ Microsoft Outlook, Apple iCal และ Mozilla Sunbird
6. ทำงานแบบออฟไลน์
ทราบกำหนดการของคุณได้ตลอดเวลา แม้ขณะที่ไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ต คุณสามารถใช้ การเข้าถึงแบบออฟไลน์ เพื่อดูปฏิทินฉบับอ่านอย่างเดียวได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน
7. และทั้งหมดนี้ฟรี

โดยทั้งหมดนี่ google calendar จะช่วยให้คุณสามารถติดตามทุกเรื่องสำคัญในชีวิตได้อย่างง่ายดายในจุดเดียว

How to use Google Calendar

 
CR : if2u

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

การไฟฟ้านครหลวง ประกาศ รับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเป็นพนักงาน ประจำปี 2556 ตั้งแต่วันที่ 1 - 10 เมษายน 2556


การไฟฟ้านครหลวง
การไฟฟ้านครหลวง ประกาศ รับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเป็นพนักงาน ประจำปี 2556 จำนวน 30 ตำแหน่ง 150 อัตรา รับสมัครทางอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 1 - 10 เมษายน 2556

คุณวุฒิปริญญาโท : ด้านบริหารธุรกิจสาขา การตลาด การเงิน บัญชี บริหารรัฐกิจ รัฐศาสตร์ เป็นต้น

คุณวุฒิปริญญาตรี : ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมโยธา วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ บริหารธุรกิจ สาขาการตลาด การเงิน บัญชี บริหารรัฐกิจ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิเทศศาสตร์ นิติศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์ อาชีวอนามัย เลขานุการ อักษรศาสตร์ ครุศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคนิคการแพทย์ พยาบาล ฯลฯ เป็นต้น



ผู้สนใจสามารถสมัครสอบเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้านครหลวง ผ่านใบสมัคร Online ได้ที่ สมัครสอบการไฟฟ้านครหลวง *** (เปิดรับสมัคร 7.30 น. ของวันที่ 1 เม.ย. นะครับ) จากนั้นกรอกรายละเอียดให้ครบถ้วนและนำไปชำระค่าสมัครที่ธนาคารกรุงไทย
สามารถสมัครได้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน (เปิดรับสมัคร เวลา 07.30 น.) - 10 เมษายน 2556  (ปิดรับสมัคร เวลา 15.30 น.)

รับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลพลเรือนเพื่อบรรจุเข้ารับราชการในกองบัญชาการกอง ทัพไทยประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖

กองบัญชาการกองทัพไทย

        กองบัญชาการกองทัพไทย มีความประสงค์จะรับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลพลเรือนเพื่อบรรจุเข้ารับราชการเป็นนายทหารสัญญาบัตรและนายทหารประทวน ประจำปีงบประมาณ 2556  จำนวน 125 อัตรา <รับออนไลน์+สมัครด้วยตัวเอง> (1-28 เม.ย.56)

ตำแหน่งที่รับสมัคร
    1. นายทหารสัญญาบัตร   จำนวน 27 อัตรา (ตามผนวก ก)
    http://application.rtarf.mi.th/2013/ann_02.pdf
    2. นายทหารประทวน   จำนวน 98 อัตรา (ตามผนวก ข)
    http://application.rtarf.mi.th/2013/ann_03.pdf

การสมัครสอบ
        1. เปิดจำหน่ายระเบียบการสอบคัดเลือกพร้อมใบสมัคร ตั้งแต่วันที่ 1 - 19 เมษายน 2556 เวลา 9.00 - 15.00 น. (เว้นวันหยุดราชการ) ณ กรมสารบรรณทหาร อาคาร 4 กองบัญชาการกองทัพไทย ซอยแจ้งวัฒนะ 7 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ และตั้งแต่วันที่ 22 - 28 เมษายน 2556 เวลา 9.00 - 15.00 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ อาคารศูนย์วิทยาศาสตร์การกี่ฬา กองบัญชาการกองทัพไทย ซอยแจ้งวัฒนะ 7 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
        2. วิธีการรับสมัคร มี 2 วิธี คือ สมัครด้วยตนเอง หรือสมัครทางอินเตอร์เน็ต http://application.rtarf.mi.th/2013/rule.php ซึ่งผู้สมัครสามารถเลือกได้เพียงวิธีเดียวเท่านั้น

การคัดเลือก
สอบรอบแรก (ภาควิชาการ) กำหนดสอบในวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2556
- เวลา 13.00 - 14.30 น. วิชาทั่วไป
- เวลา 15.00 - 16.30 น. วิชาเฉพาะตำแหน่ง
สถานที่สอบ ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์ รังสิต หรือสถานที่อื่น ตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยจะแจ้งให้ทราบ

การประกาศผลสอบ
รอบแรก (ภาควิชาการ) ในวันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม 2556 เวลา 9.00 น. ณ สโมสร กองบัญชาการกองทัพไทย และทาง www.rtarf.mi.th โดยจะประกาศผลผู้ที่สอบผ่านภาควิชาการ เรียงลำดับตามหมายเลขประจำตัวสอบ
รอบสุดท้าย ในวันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2556 เวลา 9.00 น. ณ สโมสร กองบัญชาการกองทัพไทย และทาง www.rtarf.mi.th โดยจะประกาศผลผู้ที่สอบผ่านภาควิชาการ เรียงลำดับตามคะแนนสอบ

*** อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ***

credit by :: iF2u
http://application.rtarf.mi.th/2013/index.php

การรับสมัครบุคคลเพื่อเข้าศึกษาในโรงเรียนการไปรษณีย์ 18 -30 เมษายน 2556

ไปรษณีย์ไทย ,Thailandpost

   บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาในโรงเรียนการไปรษณีย์ ประจำปีการศึกษา 2556 ระยะเวลาการศึกษา 1 ปี จำนวนรับ 100 คน ชาย 60 คน หญิง 40 คน ทั้งนี้ผู้สำเร็จการศึกษาจะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานระดับ 2 ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในอัตราเงินเดือน 10,150 บาท โดยมีหลักเกณฑ์การรับสมัครดังนี้

คุณวุฒิการศึกษา
   สำเร็จสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ (ม.6)
   เกรดเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรไม่ต่ำกว่า 2.50

คุณสมบัติของผู้สมัคร
   1. สัญชายไทย
   2. เพศหญิง โสด
       เพศชาย ผ่านการเรียนหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3 หรือผ่านการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้าเป็นทหารประจำการแล้ว
   3. มีอายุไม่ต่ำกว่า17 ปี และไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์ นับถึงวันที่ปิดรับสมัคร (เกิดระหว่างวันที่ 30 เมษายน 2531 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2539)
   4. ไม่เคยรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่โทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
   5. เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยตากหลักรัฐธรรมนูญไทย
   6. มีร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นผู้มีร่างกายทุพพลภาพ ไร้ความสามารถหรือจิตฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบหรือเป็นโรคต่อไปนี้
      6.1 โรคเรื้อน
      6.2 วัณโรคในระยะอันตราย
      6.3 โรคเท้าช้างในระยะปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจของสังคม
      6.4 โรคยาเสพติดให้โทษอย่างรุณแรง
   7. ไม่ตกอยู่ในระหว่างพักราชการ พักงาน หรือถูกสั่งให้ออกจากราชการ ออกจากงานไว้ก่อน หรือต้องหาคดีอาญาอันมิใช่ความผิดลหุโทษ หรือความผิดอักระทำโดยประมาท
   8. ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดี
   9. ไม่เป็นผู้มีหนี้สินล้มพ้นตัว
   10. ไม่เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก ไล่ออกเพราะกระทำการผิดวินัยจากหน่วยงานราชการหรือรัฐวิสาหกิจ หรือบริษัท
   11. ไม่เคยถูกลงโทษให้ออก ไล่ออกจากสถานศึกษาใดๆ

การสมัครสอบ
- กำหนดสมัครระหว่างวันพฤหัสที่ 18 เมษายน 2556 ถึงวันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2556 ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง (ในเวลาทำการ)
- ผู้สนใจดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.thailandpost.co.th  หรือขอรับใบสมัคร ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง (ในเวลาทำการ) โดยในวันที่สมัครต้องเตรียมค่าสมัครสอบ/หลักฐานประกอบดังนี้
   1. ใบสมัคร
   2. บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมสำเนา  1 ชุด (รับรองสำเนาถูดต้อง)
   3. สำเนาระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) ระบุเกรดเฉลี่ยจำนวน 1 ชุด
   4. รูปถ่ายหน้าตรงสมเสื้อเชิ้ตสีขาว ไม่สวมหมวก ไม่ใส่แว่นตาดำ ขนาด 2 นิ้ว ถ่ายในครั้งเดียวกันไม่เกิน 3 เดือน จำนวน 3 รูป
   5. ค่าธรรมเนียมสมัครสอบ 250 บาท
(บริษัทไปรษณีไทย จำกัด จะไม่คืนเงินค่าสมัครสอบทุกกรณี)

การสอบคัดเลือก
   1. วิชาที่สอบคัดเลือก(ข้อเขียน)
     1.1 คณิตศาสตร์
     1.2 ภาษาไทย
     1.3 ภาษาอังกฤษ
     1.4 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
     1.5 ทดสอบทัศนคติ
   2. การสอบสัมภาษณ์เมื่อผู้สมัครสอบผ่านข้อเขียน

กำหนดวันเวลาและสถานที่สอบ วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2556
ณ อิมแพ็ค เมื่องทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ระหว่างเวลา 08.00 – 17.00 น.
ประกาศผลสอบข้อเขียนทางเว็บไซต์ วันที่ 19 กรกฏาคม 2556


*** Download รายละเอียดและใบสมัคร ***

credit by :: iF2u
http://www.thailandpost.com/home.php