ย้อนกลับไปเมื่อ 5-6 ปีก่อน ประเทศไทยมีผู้ให้บริการเครื่อข่ายโทรศัพท์ทั้งหมด 5 ค่ายคือ AIS , Dtac ,Truemove , CATCDMA ,Hutch โดย CATCDMA และ Hutch นั้นจับมือกันให้บริการโดยแบ่งพื้นที่ให้บริการระหว่างกัน ให้ CATCDMA เป็นผู้ให้บริการในส่วนภูมิภาคทั้งหมด และ Hutch เป็นผู้ให้บริการในส่วนของกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งเรานับเป็นยุค 2G
จนมาถึงยุค 3G ณ ตอนนั้นที่เทคโนโลยี 3G ได้เข้ามาในประเทศไทยต่างค่ายต่างก็ต้องอยากได้มา เพื่อที่ว่าใครได้เปิดบริการก่อนคนนั้นจะได้ฟันกำไรได้ไวที่สุด แต่สิทธิในการให้บริการคลื่นความถี่ 3G นั้นรัฐบาลถือครองอยู่ จึงต้องจัดประมูลแบ่งช่องสัญญาณกัน และก็เกิดเป็นประเด็นใหญ่ขึ้นในตอนนั้นเกี่ยวกับหน่วยงานที่มีสิทธิอนุญาติการประมูลคลื่นความถี่ 3G หลายคนคงมองออกว่าเค็กก้อนใหญ่ถูกแบ่งไม่ลงตัว นั้นหมายถึงผลประโยชน์ก้อนมหาศาลที่ผู้ประกอบการจะได้รับ
และเวลานั้น True move ก็ได้เข้าซื้อกิจการ Hutch ที่อยูภายใต้สัมประทานของ CAT และจับมือกับ CAT ที่ถือครองโครงข่ายที่สามารถให้บริการ 3G ได้ในขณะนั้น ในคลื่นความถี่ 850Mhz โดยเปลี่ยนชื่อเป็น Truemove H และ CATCDMA ก็เปลี่ยนเป็น my ซึ่งทำให้ทั้ง 2 ค่ายในตอนนั้นกลายเป็นผู้นำทางด้าน 3G ก่อนใครเพื่อน และทำให้ทั้ง 2 ค่ายนี้มีโครงข่าย 3G ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
ต่อมา กสทช. เปิดประมูลคลื่นความถี่ 2100Mhz จากช่วงคลื่นทั้งหมด 45MHz แบ่งเป็นสล็อตๆ ละ 5 MHz ได้ทั้งหมด 9 สล็อต โดยมีผู้ประมูล 3 ราย คือ AIS , Dtac ,Truemove h ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย (ผมเข้าใจว่าการที่ CAT ไม่สามารถร่วมประมูลได้เนื่องจากเป็นหน่วยงานของรัฐ เงินงบประมาณต้องขอจากรัฐ ซึ่งคงไม่พอและถึงขอได้ชาวบ้านก็คงรู้หมดแล้วว่ามีเงินในมือเท่าไหร่) และมีการแข่งขันเสนอราคาเพื่อแย่งชิงช่วงคลื่นเพียง 3 สล็อตเท่านั้น ที่ราคา 4,725 ล้านบาท 1 สล็อต และ4,950 บาท จำนวน 2 สล็อต ที่เหลืออีก 6 สล็อตอยู่ที่ราคาตั้งต้นคือ 4,500 ล้านบาท เท่ากับว่ามูลค่าคลื่นทั้ง 45 MHz ที่ กสทช.จะได้จากการจัดสรรคลื่นความถี่เพื่อให้ใบอนุญาตกับเอกชนทั้ง 3 รายเพื่อนำไปให้บริการ 3G เป็นเวลา 15 ปี มีราคารวม 41,625 ล้านบาท เท่านั้น (ย้ำว่าเท่านั้น) เพราะสูงกว่าราคาตั้งต้นเพียง 1,125 ล้านบาท หรือประมาณ 2.78%
และจากการเฉลี่ยหารลงตัวทั้ง 3 ค่าย ก็ได้เริ่มทยอยเปิดให้บริการเครือข่าย 3G บนคลื่นความถี่ 2100 ซึ่งจะสามารถใช้ Voice และ Data ในคลื่นเดียวกัน ทำให้การคุยโทรศัพท์ ทำให้การเล่นเน็ตนั้นเร็วมากขึ้นและการกำหนดราคาก็แพงมากขึ้นเช่นกัน
ถ้าจะสังเกตุ สมัยก่อนสัก 7-8 ปีละมั้งคับ ตอนที่มีการแข่งขันกันมากๆค่าโทรถูกมากตกนาทีละไม่ถึงบาทกันเลยทีเดียว ทั้งที่ตอนนั้น Data กะ Voice ต้องแยกกันไม่ได้ร่วมกันได้อย่างเดียวนี้ แต่ตอนนี้ค่าโทร ค่าเน็ทแพงขึ้นมาก อาจเป็นเพราะยุคสมัยเปลี่ยนไปข้าวของเลยแพงขึ้น หรือเป็นเพราะคำว่า 3G ก็ไม่รุนะคับที่ทำให้ค่าบริการเดี่ยวนี้มันแพงเหลือเกิน ทั้งๆที่ค่าโครงข่ายในการให้บริการก็ไม่ต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ แถมค่าสัมประทาน 3G ก็ยังถูกกว่าสมัย 2G อีกตั้งเยอะนะคับ หึๆ
มาดูข้อมูล 3G my เพิ่มเติมกันดีกว่า
CR: if2u
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น